วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

การคุ้มครองฟัน


 ฟันเป็นอวัยวะที่สำคัญมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าอวัยวะอื่นใดของร่างกาย หน้าที่หลักของฟันคือบดเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เพื่อจะได้กลืนอย่างสะดวก ทั้งทำให้อาหารนั้นย่อยได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ฟันยังมีประโยชน์เพื่อการออกเสียงและเพื่อความสวยงาม โดยเฉพาะส่วนใบหน้า ทำให้ใบหน้าไม่ตอบเหี่ยวย่นกว่าวัยอันควร
 เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า ในชีวิตของคนเรามีฟันเพียง 2 ชุดเท่านั้นคือ ฟันน้ำนมและฟันแท้ ( ฟันถาวร )
 ฟันน้ำนม มีลักษณะซี่เล็กขึ้นตามลำดับทีละซี่ ขึ้นครบ 20 ซี่ เมื่ออายุประมาณ 2 - 2 1/2 ปี
 ฟันแท้หรือฟันถาวร มีลักษณะซี่ใหญ่กว่าขึ้นครบ 32 ซี่เมื่ออายุ 17 - 21 ปี ฟันแท้หรือฟันชุดสุดท้ายจะสามารถใช้ถาวรได้ตลอดชีวิตของผู้บริโภคหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคว่ามีการป้องกันโรคฟันหรือไม่
 ปัญหาโรคฟันเกิดขึ้นได้กับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ขึ้นกับสุขนิสัยในการรับประทานอาหารและการรักษาความสะอาดของปากและฟัน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัณของฟันและปัญหาโรคฟันจึงขอเสนอวิธีปฎิบัติสำหรับหญิงมีครรภ์ และผู้บริโภคในวัยต่าง ๆ โดยเรียบเรียงจากเอกสารของกองทันตสาธารณสุข สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ดังนี้
 หญิงมีครรภ์
 การเปลี่ยนแปลงของภาวะร่างกายในหญิงมีครรภ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงปริมาณฮอร์โมนทำให้เหงือกไวต่อสิ่งรบกวน การแพ้ท้องการกินอาหารจุบจิบพร่ำเพื่อ และการไม่รักษาความสะอาดปากฟันอาจทำให้เหงือกอักเสบ บวมโต เลือดออกง่าย และอาจทำให้ฟันผุติดตามมาได้
หลักปฎิบัติของหญิงมีครรภ์
 1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมเกลือแร่ต่าง ๆ ซึ่งได้จากผักสด ผลไม้สด นม ไข่ เนื้อสัตว์ ทั้งนี้เพื่อความสมบูรณ์ของร่างกายเด็กรวมทั้งฟันของเด็กด้วย เพราะฟันเริ่มสร้างตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์มารดา
2. ลดอาหารที่เป็นโทษต่อฟันเช่น ของหวานติดฟันง่าย อาหารเปรี้ยวจัด เปื่อยเหนียวหรือแข็งเกินไป
3. แปรงฟันให้สะอาด และถูกต้องอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และควรบ้วนปากทุกครั้งหลังการกินอาหารว่าง
4. เมื่อตรวจครรภ์แล้ว ควรพบทันตแพทย์ด้วยเพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก และบำบัดรักษา ถ้าฟันผุมากจำเป็นต้องถอนก็ควรถอนออกไม่ควรปล่อยไว้เพราะจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อ ซึ่งอาจกระจายไปถึงเด็กในครรภ์ได้
แรกเกิด - 6 ปี
 ปํญหาในช่องปากของทารกในระยะที่ยังไม่มีฟัน มักเกิดจากการติดเชื้อจากภายนอก และความผิดปกติที่มีมาตั้งแต่ก่อนเกิด เมื่อมีฟันปัญหาที่ติดตามมาก็คือ ฟันผุซึ่งฟันเด็กถ้าผุแล้ว จะลุกลามเร็วกว่าฟันผู่ใหญ่มาก เด็กวัยนี้จึงควรได้รับการดูแลดังนี้
1. เมื่อเป็นทารกควรให้นมเป็นเวลา ภายหลังให้นม ต้องหัดให้เด็กดูดน้ำตาม และอย่าปล่อยให้เด็กดูดนมจนหลับโดยมีขวดนมคาปาก เพราะจะทำให้ฟันผุทั้งปาก
 การทำความสะอาดปากของเด็กมีความจำเป็นมาก ทั้งเมื่อฟันยังไม่ขึ้นหรือขึ้นเพียง 2 - 3 ซี่ ควรใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดในปากให้เด็กอย่างน้อยวันละ 8 ครั้ง เมื่อฟันขึ้นหลายซี่แล้วควรหาแปรงสีฟันเล็ก ๆ ที่ขนแปรงอ่อน แปรงฟันให้เด็กด้วย
2. อายุประมาร 2 ปีขึ้นไปเด็กมีฟันเคี้ยวอาหารแล้ว ควรให้เด็กได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้สด เพราะอาหารพวกนี้นอกจากจะให้คุณค่าต่อร่างกายแล้ว ยังทำให้ฟันได้ทำหน้าที่บดเคี้ยวเต็มที่ ช่วยกระตุ้นการเจริญของกระดูกขากรรไกรและช่วยขัดถูฟัน นอกจากนั้นควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟัน และสร้างความคุ้นเคย และหากมีสิ่งผิดปกติจะได้รีบรักษา ไม่ควรรอจนเด้กร้องเจ้บปวดฟัน เพราะอาจรักษาไม่ได้ทำให้เด็กต้องถูกถอนฟันไปก่อนเวลาอันควร
อายุ 6 - 14 ปี
 เป็นช่วงอายุที่มีทั้งฟันน้ำนมและฟันแท้ โดยฟันแท้ซี่แรกเริ่มขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6 ปี เป็นฟันกรามใหญ่ซี่ที่1 ขึ้นต่อท้ายฟันน้ำนมซี่ในสุด และฟันล่างมักจะขึ้นก่อนฟันบนฟันซี่อื่นขึ้นติดตามมา แต่ส่วนใหญ่ฟันซี่นี้มักจะผุและถูกถอนทิ้ง เพราะเข้าใจกันว่า เป็นฟันน้ำนม
 เมื่อกรามแท้ซี่แรกขึ้นแล้ว ฟันน้ำนมซี่เล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหน้าจะโยกและหลุดออก ฟันแท้ก็จะขึ้นแทนที่ซึ่งจะเป็นไปตามลำดับ จนอายุ 12 ปีฟันน้ำนมควรหลุดออกหมด
 ช่วงอายุ 6 - 14 ปีนี้เป็นช่วงวัยเรียน สภาพแวดล้อม และการปฎิบัติตนในโรงเรียนมีอิทธิพลต่อสุขภาพปากและฟันของเด็ก โรงเรียนและครูจึงมีบทบาทต่อการสร้างสุขนิสัยเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคสามารถช่วยเหลือเด็กของท่านได้โดยยึดหลักปฎิบัติดังนี้
1. ให้เด็กได้รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ซึ่งนอกจากอาหาร 5 หมู่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้วควรฝึกให้เด็กรับประทานผักสดผลไม้สด เพราะจะช่วยขัดถูฟันบริหารเหงือกและฟันให้แข็งแรง และกระตุ้นให้กระดูกขากรรไกรเจริญได้สัดส่วน
2. แนะแนวให้เด็กลดการรับประทานทอฟฟี่ ขนมหวานหรืออาหารที่ทำลายฟัน ถ้าจะรับประทานก็ควรเป็นมื้อ เป็นคราว ไม่พร่ำเพรื่อข้อสำคัญต้องบ้วนปากหรือแปรงฟันให้สะอาดด้วย
3. ฝึกหัดเด็กให้แปรงฟันอย่างถูกต้อง

วัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาว
 เป็นวัยที่ฟันผุมากที่สุด เพราะเด็กวัยรุ่นมักหิวบ่อย และชอบรับประทานของขบเคี้ยว ขนมหวานและลูกอมต่าง ๆ นอกจากนี้เด็กวัยรุ่นมักจะมีปัญหาโรคเหงือก ที่เป็นกันมาก คือ เหงือกอักเสบ
 หลักปฎิบัติสำหรับวัยรุ่น
1. รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และช่วยขัดถูฟัน ลดอาหารที่เป็นโทษต่อฟัน
2. ฝึก การรับประทานให้เป็นเวลา
3. ควรใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารทั้งซ้ายและขวา เพราะการเคี้ยวจะช่วยบริหารเหงือกและฟัน ไม่ควรใช้ฟันผิดหน้าที่ เช่นขบกัดของแข็ง เช่น ขอ เข็ม ตะปู หรือเปิดจุกขวด เพราะอาจทำให้ฟันบิ่น แตก เสียหาย
4. รักษาความสะอาดของปาก และฟันโดยแปรงฟันอย่างถูกต้อง
5. ตรวจสภาพฟันด้วยตยเองทุก ๆ วันหลังแปรงฟัน และให้ทันตแพทย์ตรวจฟันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะถ้าพบสิ่งผิดปกติจะได้รีบแก้ไขหรือรักษา ไม่ควรปล่อยจนมีอาการเพราะอาจรักษาไม่ได้ ทำให้ต้องสูญเสียฟันแท้

วัยผู้ใหญ่
 ถ้าได้ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากมาตั้งแต่ต้น เมื่อเข้าวัยผู้ใหญ่ฟันมักจะไม่ผุเพิ่มขึ้น ถ้าผุก็จะลุกลามช้ากว่าฟันผุในเด็ก ทั้งนี้เพราะฟันของผู้ใหญ่มีความแข็งแกร่งมากกว่าและโพรงประสาทแคบกว่าตอนเป็นเด็ก แต่โรคที่ทำให้ต้องเสียฟันกันมากในวัยนี้คือ โรคปริทันต์ซึ่งเป็นโรคของเหงือกและอวัยวะรอบฟันโรคนี้มีผลเสียมากกว่าโรคฟัน มักเป็นหลายซี่ติดต่อกันการรักษายุ่งยากและเสียเวลามากกว่าโรคฟันผุ แม้จะได้รับการรักษาแล้วถ้าผู้บริโภคไม่ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีโดยปฎิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ การรักษาก็จะไม่ได้ผล สุดท้ายฟันโยกมาก รักษาไว้ไม่ได้อีกต่อไปก็ต้องถอน ซึ่งบางคนอาจต้องถอนทิ้งหมดทุกซี่ ทั้ง ๆ ที่ฟันไม่ผุเลย ผลเสียของโรคนี้อีกประการหนึ่งคือ โดยที่โรคปริทันต์มีการทำลายของกระดูกหุ้มรอบรากฟันด้วย ดังนั้น เมื่อต้องถอนฟันออก สันกระดูกจะแบนราบมาก ทำให้ใส่ฟันปลอมไม่ได้ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะหากต้องใส่ฟันปลอมทั้งปาก

 เหงือกร่น
เหงือกร่น หมายถึง การที่เหงือกซึ่งโดยปกติจะหุ้มอยู่บริเวณรอบคอฟัน หดตัดร่นจากคอฟันทำให้มองเห็นส่วนของรากฟันโผล่ออกมา รากฟันเป็นส่วนที่ไวต่อการรับความรู้สึกเมื่อเหงือกร่นมากก็จะทำให้เกิดอาการเสียว หรือเจ็บปวดทำให้ไม่อยากแปรงฟันบริเวณนั้นเมื่อไม่แปรงฟัน แผ่นคราบจุลินทรีย์จะสะสมมากขึ้น ปัญหาที่ตามมาคือฟันและเหงือกอักเสบมากยิ่งขึ้นบางคนเมื่อเหงือกร่น ประกอบกับแปรงฟันอย่างไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้ฟันสึก เป็นแอ่งบริเวณคอฟันและรากฟัน อาการและการลุกลามจะต่อเื่องเป็นลูกโซ่
 หลักปฎิบัติในวัยผู้ใหญ่
 นอกจากปฎิบัติตามที่เคยทำมาแต่แรกแล้ว ควรให้ความสำคัญในเรื่องต่อไปนี้เพิ่มขึ้น คือ
1. แปรงฟัน และนวดเหงือกให้สะอาดอย่างถูกต้องสม่ำเสมอทุกค่ำเช้า
2. ใส่ฟันปลอมทดแทนฟันที่สูญเสียไปแล้ว
3. ให้ทันตแพทย์ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำอย่างน้อยที่สุดปีละ 1 ครั้ง

วัยสูงอายุ
 ผู้สูงอายุส่วนมากถูกถอนฟันไปแล้วหลายซี่จากโรคฟันผุ และอื่น ๆ ฟันที่เหลือก็มีสภาพไม่สมบูรณ์ฟันแตกหัก บิ่น โยก เหงือกร่น ฟันผุ ฯลฯ ผู้สูงอายุบางรายไม่ได้ใส่ฟันปลอมแทน หรืออาจใส่แต่ไม่เรียบร้อย
ทำให้เคี้ยวอาหารไม่ถนัดประกอบกับความเสื่อมของสภาพร่างกายตามวัย เมื่อประสิทธิภาพการบดเคี้ยวลดลง ก็จะกระทบต่อระบบการย่อยอาหารทำให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหารบางประเภทไม่ได้ท้องอืด ท้องเฟ้อง่ายขึ้น นอกจากนั้นหากปล่อยให้มีโรคในช่องปากเชื้อโรคก็จะแพร่กระจายไปส่วนอื่นของร่างกายทำให้ความสามรถในการซ่อมแซมร่างกายของผู้สูงอายุน้อยลง ซึ่งจะยิ่งทำให้สุขภาพโดยทั่วไปเสื่อมโทรมลงด้วย
 หลักปฎิบัติในวัยผู้สูงอายุ
1. พบทันตแพทย์ เพื่อตรวจรักษาหรือแก้ไขส่วนที่พอรักษาได้ ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ถ้ารักษาไม่ได้แล้วก็ควรถอนออก และใส่ฟันปลอมที่เหมาะสมแทน เมื่อรักษาแก้ไขหรือใส่ฟันเรียบร้อยแล้ว ก็ควรไปตรวจฟันเป็นระยะ ๆ อย่างน้อยที่สุดปีละ 1 ครั้ง
2. รักษาความสะอาดของปากเหงือก ฟัน และฟันปลอมให้สะอาดอยู่เสมอโดยการบ้วนปาก แปรงฟันอย่างถูกต้องทุกครั้งหลังอาหาร
3. ควรรีบปรึกษาแพทย์ เมื่อมีแผลเรื้อรังในปาก เช่น บริเวณสันเหงือก ลิ้น เนื้อเยื่อในปาก กระพุ้งแก้ม เป็นต้น

ข้อมูลจากหนังสือรายการกระจายเสียง วิทยุศึกษา




วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

กายบริหารแบบไทย ท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า ( ท่าที่ 4 แก้ลมเจ็บศีรษะและตามัว และแก้เกียจ )


ท่าที่ 4

ท่าเตรียม

นั่งขัดสมาธิ มือทั้งสองข้างกำประสานกันประมาณระดับลิ้นปี่

ท่าบริหาร

สูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุดพร้อมกับเหยียดแขนดัดให้ฝ่ามือยื่นไปทางด้านซ้ายให้มากที่สุด โดยให้ลำตัวตรง หน้าตรง แขนตึงกลั้นลมหายใจไว้สักครู่


ผ่อนลมหายใจออกพร้อมกับงอแขนทั้งสองข้างกลับมาอยู่ในท่าเตรียม ทำซ้ำเช่นเดิมแต่เปลี่ยนเป็นเหยียดแขนดัดให้ฝ่ามือยื่นไปทางขวา


ทำซ้ำเช่นเดิม แต่เปลี่ยนเป็นเหยียดแขนดัดให้ฝ่ามือยื่นไปทางด้านหน้า


ทำซ้ำเช่นเดิมแต่เปลี่ยนเป็นเหยียดแขนดัดให้ชูขึ้นเหนือศีรษะแขนทั้งสองข้างเหยียดตรงแนบชิดใบหู


ผ่อนลมหายใจออก พร้อมกับลดแขนลงให้มือทั้งสองข้างพักไว้บนศีรษะ ในลักษณะหงายมือ


และค่อย ๆ ลดมือลงมาอยู่ในท่าเตรียม เริ่มต้นทำซ้ำใหม่ โดยเหยียดแขนไปทางด้านซ้าย ด้านขวา ด้านหน้า และด้านบนตามลำดับ นับเป็น 1 ครั้ง ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

ประโยชน์ เป็นท่า ที่ใช้กันบ่อย คือ บิดขี้เกียจ โดยประยุกต์ให้เคลื่อนไหวครบทุกด้าน ทั้งซ้าย ขวา หน้า และยกชูสูงเหนือศีรษะ เป็นการยืดบริหารส่วนแขน


ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ กายบริหารแบบไทย ท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า ของสถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข



                                                                         

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

กายบริหารแบบไทย ท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า ( ท่าที่ 3 แก้ปวดท้องและข้อเท้า และแก้ลมปวดศีรษะ )


ท่าที่ 3
ท่าเตรียม


นั่งขัดสมาธิ มือทั้งสองข้างประสานกันประมาณระดับลิ้นปี่

ท่าบริหาร

สูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุดพร้อมกับค่อย ๆ ชูมือขึ้นเหนือศีรษะแขนทั้งสองข้างเหยียดตรงแนบชิดใบหู

กลั้นลมหายใจไว้สักครู่ พร้อมกับดัดมือที่ประสานกันเหนือศีรษะให้หงายขึ้น


ผ่อนลมหายใจออกพร้อมกับค่อย ๆ วาดมือทั้งสองข้างออกจากกันไปทางด้านหลัง
ค่อย ๆ งอแขนกำหมัดมาวางไว้ที่บั้นเอวทั้งสองข้างใช้กำปั้นกดบริเวณ เอวทั้งสองข้างขณะกดสูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุด

กลั้นลมใจหายไว้สักครู่พร้อมกับกดเน้น ผ่อนลมหายใจออก พร้อมกับคลายการกดกำปั้น


เลื่อนตำแหน่งที่กดไปทางกลางหลังทีละน้อย จนกำปั้นชิดกันทีบริเวณกลางบั้นเอว ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง


ประโยชน์ เมื่อฝึกอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเคลื่อนไหวของไหล่เป็นไปด้วยดี และเมื่อฝึกได้ครบชุด เป็นการบริหารไหล่ คอ อก ท้อง และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตที่ศีรษะและแขน



ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือกายบริหารแบบไทย ท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า สถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข



                                                                         

การ์ตูนเล่น ๆ ( ตอน หนอน )

หนอน



เจ้าหนอนน้อยต้นเรื่อง...ใครเคยเห็นเจ้าหนอนพวกนี้บ้าง ชอบกินใบบอนสีมาก เวลาต้นบอนสีงอกใบขึ้นมาอย่างสวย อีกไม่กี่วัน เราก็จะเห็นเจ้าหนอนนี้มากินพอกินจนใบหมด ก็จะหายไป..





วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

วอฟเฟิล

อาหารการกินในครั้งนี้คือ วอฟเฟิล แต่พอทำไปมากลายเป็นแพนเค็ก ไม่มีเตาวอฟเวิฟ ใช้กระทะแบบทอดแทนกันไป  ลองทำกันดู
ส่วนผสม
เนยละลาย 1/2 ถ้วยตวง
ไข่ทั้งฟอง  4 ฟอง
แป้งสาลี  3 ถ้วยตวง
ผงฟู       1/2  ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย    1 1/2 ถ้วยตวง ถ้าไม่ชอบหวานลดลงได้
นมสด    2 ถ้วยตวง
เกลือ   1  ช้อนชา
วานิลา  1/2  ช้อนชา

วิธีทำ
1. ร่อนแป้งแล้วตวงตามส่วนผสมผงฟูร่อนเข้าด้วยกันพักไว้
2. ตีไข่ให้ขึ้นฟู ค่อย ๆใส่ น้ำตาล ทีละน้อยจนหมด ใส่เกลือ เนยละลาย
3. ใส่แป้งสลับกับนมลงในส่วนผสมของไข่ทีละน้อยจนหมดคนให้เข้ากัน ระวังไม่ให้เป็นเม็ด ผสมเข้ากันดีแล้ว พักไว้ 20 นาที
4. จากนั้นนำส่วนผสม ใส่พิมพ์วอฟเวิฟ ( ถ้าไม่มีพิมพ์ทอดกับกระทะแบบ ) ที่ร้อนได้ที ทาเนยขาวหรือน้ำมันในครั้งแรกก่อน ตักแป้งหยอดในพิมพ์ขนม จนสุกเหลือง แซะออก รับประทานตอนกำลังอุ่น ๆ อร่อยดี

กายบริหารแบบไทยท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า ( ท่าที่ 2 แก้ลมข้อมือ และแก้ลมในลำลึงค์ )

ท่าที่ 2

ท่าเตรียม

นั่งขัดสมาธิ พนมมือในท่าเทพพนม โดยให้มือที่พนมอยู่ห่างจากหน้าอก แขนตั้งฉากกับลำตัว

ท่าบริหาร


ใช้มือซ้ายดันมือขวา มือขวาต้านแรงมือซ้าย พร้อมกับดัดปลายนิ้วให้โน้นไปด้านตรงข้ามในขณะดันมือค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าลึกที่สุดกลั้นลมหายใจ แขม่วท้อง ขมิบก้นไว้สักครู่ ผ่อนลมหายใจออกพร้อมกับค่อย ๆ คลายมือ

กลับมาอยู่ในท่าเตรียม



ทำสลับกันระหว่างมือซ้ายกับมือขวา ข้างละ 5  - 10 ครั้ง

ประโยชน์ เป็นท่าเริ่มต้น เตรียมความพร้อมของร่างกายและฝึกลมหายใจ ได้ผลทั้ง 2 ทาง คือ เป็นการบริหารข้อมือ และเมื่อเพิ่มการขมิบก้นเป็นการบริหารฝีเย็บ


ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ กายบริหารแบบไทย ท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า สถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข

                                                                         
                                                                         

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

กายบริหารแบบไทย ท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า ( ท่าที่ 1 ท่านวดบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้า 7 ท่า )



ท่าที่ 1
  ท่านวดบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้า 7 ท่า
ใช้นวดถนอมสายตา ( บริหารกล้ามเนื้อใบหน้า 7 ท่า ) ในการบริหารแต่ละท่า ให้กำหนดลมหายใจ เข้าออกไปด้วย
ท่าเตรียม
                                                   
                                                               นั่งขัดสมาธิลำตัวตรง
ท่าบริหาร
1. ท่าเสยผม
                            ใช้ปลายนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางกดขอบกระบอกตาบนทั้งสองข้างพร้อม ๆกัน

                                ค่อย ๆ กดพร้อมกับเลื่อนนิ้วทั้ง 3 นิ้ว เรื่อยขึ้นไปบนศรีษะ



                                      ต่อเนื่องไปจนถึงท้ายทอยในท่าเสยผม ทำซ้ำ 10 ครั้ง

2 ท่าทาแป้ง

                                   
                                          ใช้นิ้วกลางทั้งสองข้าง กดด้านข้างดั้งจมูกพร้อมกัน
ค่อย ๆ กดพร้อมกับเลื่อนนิ้วขึ้นไปจนถึงหน้าผาก โดยให้ปลายนิ้วกลางจรดกันที่กลางหน้าผาก


                 จากนั้นลูบมือทั้งสองข้างไปทางหางคิ้ว ผ่านแก้ม ต่อเนื่องไปจนถึงคาง ทำซ้ำ 10 ครั้ง

3. ท่าเช็ดปาก

                     ใช้ฝ่ามือซ้ายวางทาบบนปากโดยให้ปลายนิ้วก้อยวางอยู่ที่ปลายติ่งหูข้างขวา
                      ลากมือมายังด้านซ้าย พร้อมกับเม้มริมฝีปาก โดยให้ฝ่ามือกดแนบสนิทขณะทำ


   

สลับเป็นมือขวา ทำซ้ำข้างละ 10ครั้ง


4. ท่าเช็ดคาง                                                                                                                                                      
                                                                                                                                                          
ใช้หลังมือซ้ายวางทาบใต้คางโดยให้ปลายนิ้วอยู่ที่ติ่งหูขวา
ลากมือตั้งแต่ติ่งหูขวาไปตามคาง จนถึงใต้หูซ้าย โดยให้หลังมือกดแนบสนิทขณะทำ



สลับมือทำแบบเดียวกัน ทำซ้ำข้างละ 10 ครั้ง
        
5.ท่ากดใต้คาง                                                                                                                                         


   
ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดตรงกลางคาง โดยให้ปลายนิ้วหัวแม่มือตั้งฉากกับคาง ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อต้านนิ้วมือ ใช้แรงกดพอสมควรนิ่งสักครู่ นับ 1 - 10 ในใจ                                                          

        

                              เลื่อนจุดให้ทั่วบริเวณใต้คาง โดยเลื่อนทีละนิ้วมือ ทำซ้ำ 5 ครั้ง                      

6. ท่าถูหน้าหูและหลังหู                                                                                                                            
   

     ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้างคีบหูหลวม ๆ โดยให้ฝ่ามือแนบกับแก้มถูนิ้วมือขึ้นลงแรง ๆ นับเป็น 1ครั้ง ทำซ้ำ 20ครั้ง                                                                                                                                     

7. ท่าตบท้ายทอย                                                                                                                                            
                             

                                                                                                            
ใช้สันมือทั้งสองข้างปิดหูไว้โดยให้ปลายนิ้วทั้งสองข้างวางอยู่บริเวณท้ายทอย ปลายนิ้วกลางจรดกัน  กระดกนิ้วมือทั้งสองข้างให้มากที่สุดแล้วตบที่ท้ายทอยพร้อมกันโดยไม่ยกฝ่ามือ ทำซ้ำ 10ครั้ง         
                

ข้อมูลจาก หนังสือกายบริหารแบบไทย ท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า สถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข