วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2563

ผักและผลไม้ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันแก่ร่างกาย



สวัสดีค่ะเพื่อน ๆได้ดูข่าวและรายการโทรทัศน์พูดถึงผักพื้นบ้านและผลไม้ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มให้แข็งแรงและช่วยต้านไวรัสในตระกูลไข้หวัดได้จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อหวังว่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ และขอขอบคุณแหล่งข้อมูลด้วยนะคะ

ผักและผลไม้ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันร่างกาย และเพิ่มภูมิต้านทาน และมีฤทธิ์ป้องกันให้แก่ร่างกาย  จะพูดรวม ๆ กันไปเลยนะคะ

กลุ่มผัก, ผักพื้นบ้านและผลไม้, ผลไม้หลากสีและผลไม้ตระกูลส้ม
พลูคาวหรือคาวตอง
เห็ดชนิดต่าง ๆ
ดอกขี้เหล็ก
ยอดมะยม
ใบเหลียง
ยอดสะเดา
มะระขี้นก
ฟักข้าว
ผักเชียงดา
คะน้า
มะรุม
ผักแพว
ลูกหม่อน
ใบหม่อน
ส้ม
มะนาว
มะกรูด
ส้มซ่า
กระเพรา
ผักหวาน
ต้นอ่อนทานตะวัน
ไชเท้า
ฟักแฟง
มะละกอ
แครอท
ฝรั่ง
มะม่วง
มะเขือเทศ
ฝักพากา




กลุุ่มเครื่องปรุงเครื่องเทศ
หอมแดง
กระเทียม
พริกชี้ฟ้า
พริกขี้หนู
ขิง
ข่า
ตะไคร้
ขมิ้นชัน
โป๊ยกั้ก
หอมหัวใหญ่





กลุ่มเครื่องดื่ม
โยเกิร์ต
น้ำชาเขียวแบบไม่ใส่น้ำตาล
น้ำขิงแบบไม่ใส่น้ำตาล
น้ำผลไม้หลากสีชนิดต่าง ๆ
น้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่ไม่ใส่น้ำตาล



กลุ่มสมุนไพร
ฟ้าทะลายโจรทั้งสดและแห้ง
ตรีผลา (สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม)


จากผักและผลไม้ต่าง ๆ และเครื่องปรุงเครื่องเทศสามารถที่จะนำมาทำอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น แกงเปรอะเห็ด ต้มยำ ยำต่าง ๆ ผัดขิง ผัดกระเพรา แกงส้มมะรุม หรือใช้เป็นผักแกล้มผักจิ้ม น้ำพริกชนิดต่าง ๆ ตามแต่ละท้องถิ่นได้ หรือทำเป็นอาหารว่างอย่างเมี่ยงคำ และเครื่องดื่มสุขภาพประเภทต่าง ๆ









นอกจากอาหารการกินแล้วยังต้องออกกำลังกายและรับแสงแดดอ่อน ๆ ตอนเช้า และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ หวังว่าเพื่อน ๆ ทุกคน จะมีสุขภาพดีและปลอดภัย ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกค่ะ








วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

มะแว้งเครือ



มะแว้งเครือ ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum trilobatum L. อยู่ในวงศ์ SOLANACEAE พบได้ทั่วไปตามที่รกร้างหรือตามชายทุ่ง ลำต้นเป็นต้นไม้เลื้อย มีหนามแหลม ลำต้นสีเขียว ใบเป็นใบเดืยวออกแบบเรียงสลับ ใบเป็นรูปไข่ ขอบใบเว้า มีหนามแหลมใต้ใบ ดอกออกเป็นช่อ ดอกสีม่วง ออกตามปลายกิ่งและตามซอกใบ ผลเป็นผลสด มีสีเขียวเมื่อแก่จะเปลื่ยนเป็นสีแดง
ชอบแสงแดดให้น้ำพอประมาณ
ประโยชน์ของมะแว้งเครือเป็นพืชสมุนไพรเช่น ผลสดใช้เป็นยาแก้ไอและขับเสมหะเป็นต้น





















วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีหลีกเลี่ยงโรคมะเร็ง




บล็อกนี้นำบทดี ๆ มาเล่าต่อกันอีกแล้วนะค่ะ บทความเรื่องวิธีหลีกเลี่ยงโรคมะเร็งค่ะ

วิธีหลีกเลี่ยงโรคมะเร็ง

จากผลการศึกษาทางระบาดวิทยาของโรคมะเร็งในหลายประเทศสรุปได้ว่าประมาณ 70 - 80 %  ของโรคมะเร็งในคนเกิดจากการได้รับสิ่งก่อมะเร็งปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสารเคมีมีประชาชนต้องได้รับ และสัมผัสอยู่เป็นประจำ ทั้งในชีวิตความเป็นอยู่ทั่วไปและอาชีพการงานและในปัจจุบันนี้มีการสังเคราะห์สารเคมีขึ้นมาใช้กันอย่างมากมาย ทั้งในทางสาธารณสุข อุตสาหกรรมและเกษตรกรรมและสารเคมีเหล่านี้ก็จะปะปนอยู่ในเครื่องอุปโภค บริโภคต่าง ๆทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม และบางชนิดอาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ก็อาจจะมีสารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและปะปนอยู่ในเครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ จึงควรจะทราบว่าเครื่องบริโภคอุปโภคชนิดใดที่อาจจะมีสารก่อมะเร็งปะปนอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงจากการได้รับสารก่อมะเร็งบางชนิดซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ การหลีกเลี่ยงต่อการเกิดโรคได้ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งจะแยกได้เป็น 2 ประการ คือ

 1. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้แก่

 - ลดหรืองดการสูบบุหรี่
 - ลดการดื่มสุราซึ่งมีผลต่อหลอดอาหารและตับ
 - ระมัดระวังในการใช้ยา เช่น ฟินาซิติน, คลอแรมเฟนิคอล, เมลฟาแลน, ไซโคลฟอสฟาไมด์
 - ไม่รับประทานอาหารที่ราขึ้นยกเว้นเนยแข็ง
 - ไม่ดื่มน้ำชากาแฟที่ร้อนจัดและการกินอาหารที่ร้อนจัด เพื่อลดการเป็นมะเร็งของหลอดอาหาร
 - ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เพื่อลดมะเร็งจากเต้านมหรือลำไส้ใหญ่
 - หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรมควัน หรือไหม้เกรียมเป็นประจำเพื่อไม่ก่อให้เกิดมะเร็งของกระเพาะอาหารและตับ
 - ลดการใช้ฮอร์โมนในสตรีวัยหมดประจำเดือนโดยไม่จำเป็น เพื่อลดการเป็นมะเร็งของเยื่อบุมดลูก

 2. การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม

 - หลีกเลี่ยงการใช้ยาฆ่าแมลงโดยไม่จำเป็น
 - หลีกเลี่ยงจากการถูกแสงแดดจัดเป็นเวลานาน ๆ
 - หลีกเลี่ยงการอยู่ในชุมชนแออัด

ข้อแนะนำที่ควรปฏิบัติ

 1. ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควรเลือกอาหารที่มีไวตามิน เอ ซี และอี สูง เช่นผักผลไม้และอาหารที่มีกากมากเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคมะเร็งของลำไส้
 2. ไม่ควรรับประทานอาหารมากเกินไปโดยเฉพาะไขมัน เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้
 3. ไม่ควรรับประทานอาหารรสเค็มจัด อาหารที่มีราขึ้น ( ยกเว้นเนยแข็ง ) เพราะอาจปนเปื้อนด้วยสารก่อมะเร็ง
 4. ไม่ควรรับประทานอาหารและยาชนิดเดียวกันซ้ำ ๆ ซาก ๆ
 5. ไม่ควรดื่มสุรา หรือสูบบุหรี่มากเกินไป
 6. ไม่ควรดื่มน้ำชา กาแฟมากเกินไป และควรหลีกเลี่ยงการดื่มของร้อนจัด ๆ
 7. ควรออกกำลังกายและอยู่ในที่โล่งแจ้ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
 8. ควรหลีกเลี่ยงควันพิษจากรถยนต์และโรงงานต่าง ๆ
 9. อย่าหักโหมทำงานหนักมากเกินไป เพราะว่าจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและภูมิต้านทานโรคก็จะลดลง ทำให้ติดโรคได้ง่าย
 10. ควรอาบน้ำอย่างสม่ำเสมอจะได้ชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย


นี้คือข้อแนะนำดี ๆ จาก สคบ.สาร ปีที่ 13 ฉบับ 133 มกราคม 2534 พิมพ์ต่อที่ หนังสือรายการกระจายเสียงวิทยุศึกษา หน้าที่ 31 - 33 เดือนกันยยน 2534 ขอบคุณค่ะที่ช่วยบอกต่อบทความดี ๆ ที่มีประโยชน์แก่พวกเรา ขอบคุณค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เสลา





 ชื่อวิทยาศาสตร์ Lagerstroemia loudoni Teijsm & Binn. อยู่ในวงศ์ Lythraceae ถิ่นกำเนิดในป่าทั่วไปของของไทย
เสลาเป็นต้นไม้ผลัดใบขนาดกลางสูง 10 - 20 เมตร เปลือกสีน้ำตาลเข้มมีรอยแตกเป็นทางยาวตลอดลำต้น เรือนยอดทรงกลมทึบ ใบดก กิ่งโน้นลงรอบๆทรงพุ่มใบเป็นใบเดี่ยว รูปใบหอกปลายใบแหลมเป็นติ่ง ดอกมีสีม่วง ม่วงอมชมพู หรือม่วงกับขาว ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ดอกเป็นรูปถ้วยมีกลีบแยก 6 กลีบ ดอกออกเดือน มีนาคมถึงเมษายน เป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามป่าเบญพรรณทั่วไป
 การขยายพุันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ดินที่ใช้ปลูกเป็นดินร่วนปนทราย ที่มีความชุ่มชื้น ต้นเสลาเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดมากจึงต้องปลูกไว้กลางแจ้ง
ประโยชน์ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับสวยงามและเป็นไม้ใช้สอย





วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เส้นเลือดขอด


เส้นเลือดมีกี่ชนิด

เราอาจแบ่งเส้นเลือดได้เป็น 2 ชนิด ชนิดแรกคือเส้นเลือดแดง ( artery ) ทำหน้าที่นำเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายหลังจากที่ได้รับการฟอกที่ปอดให้มีปริมาณอ๊อกซิเจนสูงแล้ว เลือดเคลื่อนไปตามเส้นเลือดแดง โดยอาศัยแรงบีบของหัวใจ
อีกชนิดหนึ่งคือ เส้นเลือดดำ ( vein ) วึ่งทำหน้าที่นำเลือดกลับไปสู่หัวใจ หลังจากที่ได้ปล่อยอ๊อกซิเจนให้แก่อวัยวะต่าง ของร่างกายแล้ว


เส้นเลือดขอดคืออะไร?

เส้นเลือดขอด ( varicose veins ) ได้แก่ เส้นเลือดดำ ที่โป่งขึ้นและเกิดการบิดเบี่ยงจนรูปร่างหงิกงอไป บางครั้งแลดูเหมือนตัวหนอน เส้นเลือดดำเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ผิวหนังเมื่อเกิดการโป่งโตขึ้นจะแลดูออกสีน้ำเงินเข้ม เส้นเลือดขอดเกิดได้ทั้งในชายและหญิงและโดยมากจะเกิดที่บริเวณขา

อะไรเป็นสาเหตุของเส้นเลือดขอด กรรมพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า?

เส้นเลือดขอดเกิดได้จากหลายสาเหตุผสมผสานกัน ความอ่อนแอของโครงสร้างผนังเส้นเลือดดำและลิ้นภายในเส้นเลือดตลอดจนแรงดึงดูดของโลก เป็นสาเหตุที่ได้รับการอ้างอิงถึงบ่อยที่สุด

ความอ่อนแอของโครงสร้างผนังเส้นเลือดดำอาจจะได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ มีผู้รายงานว่าผู้ที่มีเส้นเลือดขอดจะมีบิดาหรือมารดาเป็นเส้นเลือดขอดถึงเกือบครึ่งต่อครึ่ง

เส้นเลือดดำในขาของคนปกติมีลิ้นซึ่งแยกเป็น 2 แฉก คล้ายถ้วยเล็ก ๆ อยู่ภายใน โดยปกติลิ้นพวกนี้จะอยู่ห่างกันประมาณ 2 นิ้ว และจะเปิดออกเวลาเลือดไหลไปสู่หัวใจ แต่จะเปิดไปในทิศทางเดียว ซึ่งหมายความว่าเลือดจะไหลกลับมาไม่ได้ ในผู้ที่มีเส้นเลือดขอด แฉกของลิ้นจะอยู่ห่างกัน เลือดที่ไหลขึ้นไปก็จะมีโอกาศไหลกลับลงมาได้ทำให้เส้นเลือดโป่งออก

อาชีพและประเภทของงานก็อาจมีส่วนในการทำให้เส้นเลือดขอดเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องยืนนาน ๆ เช่น หมอฟัน ช่างทำผม พนักงานบริการในร้านอาหาร ทั้งนี้ก็เพราะเวลายืน แรงดึงดูดของโลกจะดึงดูดเลือดที่อยู่ในเส้นเลือดให้ลงไปสู่จุดศูนย์กลางของโลกทำให้เลือดที่อยู่ต่ำสุดของร่างกายคือที่ขามีแรงดันมากที่สุด มากกว่าเลือดที่อยู่ส่วนบนของร่างกายจึงเกิดแรงดันผนังเส้นเลือดได้มากเมื่อไปเกิดร่วมกับความอ่อนแอ่ ของโครงสร้างผนังเส้นเลือด และความผิดปกติของลิ้นเส้นเลือดผลลัพธ์ก็คือเส้นเลือดโป่งออก


เส้นเลือดขอดเกี่ยวกับการตั้งครรภ์อย่างไร?

ในระหว่างการตั้งครรภ์มีปัจจัยหลายประการที่ส่งเสริมให้เกิดเส้นเลือดขอด ฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นอาจมีส่วนทำให้ผนังเส้นเลือดดำหย่อนตัว ยังผลให้เกิดการโป่งออกได้ หากความดันในเส้นเลือดเพิ่มขึ้น ( เหมือนยางรัดเอวกางเกงนอนเวลาหย่อน ) การไหลเวียนของเลือดไปยังมดลูกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในระหว่างตั้งครรภ์ และเนื่องจากเลือดจากมดลูกไหลกลับไปหัวใจโดยทางเส้นเลือดเดียวกับเลือดที่ไหลขึ้นมาจากขา ทำให้เลือดคั่งในเส้นเลือดเหล่านี้ ซึ่งมีผลก่อให้เกิดความดันในเส้นเลือดเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ท้องที่เพิ่มขนาดและน้ำหนักในระหว่างตั้งครรภ์ก็มีส่วนเพิ่มความดันภายในเส้นเลือดทำให้เลือดไหลกลับช้าลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนแต่ส่งเสริมให้เกิดเส้นเลือดขอด

โดยปกติผู้ที่มีเส้นเลือดขอดจะมีความดันของเลือดภายในเส้นเลือดดำสูงอยู่แล้ว ในระหว่างการตั้งครรภ์ ความดันดังกล่าวจะสูงขึ้นไปอีก ทำให้โอกาสที่จะมีอาการของเส้นเลือดขอดเพิ่มขึ้น

อาการสำคัญของการมีเส้นเลือดขอดคืออะไร ?

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่มาปรึกษาแพทย์เรื่องเส้นเลือดขอดมักจะมาเนื่องจากความไม่น่าดูของขาจากการที่มีเส้นเลือดโป่ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ แต่ในบางรายอาจมีความรู้สึกปวดขาและรู้สึกหนักขาเวลายืนนาน ๆ อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นเวลายกขาสูง น้อยรายอาจมีความรู้สึกแน่นในขาและปวดเหมือนขาจะระเบิด อาการปวดแสบ ๆ พร้อมกับคันที่ผิวหนังตรงที่มีเส้นขอดก็เกิดได้เหมือนกัน ผู้ป่วยบางคนมีโรคผิวหนังตรงตำแหน่งที่ขอดด้วย อาการส่วนใหญ่จะเป็นที่ขาส่วนใต้เข่าลงไปและผู้ป่วยที่มีครรภ์อาจจะมีอาการปวดมากกว่าผู้ป่วยอื่น อาการขาบวมพบได้ไม่บ่อยนักในผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดขอดที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยที่มีโรคของเส้นเลือดแดงอุดตันเส้นประสาทขาถูกกดหรือโรคของไขข้ออักเสบอาจจะมาปรึกษาแพทย์โดยคิดว่าอาการปวดขาจะเนื่องมาจากโรคของเส้นเลือดขอดการซักประวัติและการตรวจร่างกายที่ละเอียดจะช่วยแยกโรคดังกล่าว

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากเส้นเลือดขอดมีอะไรบ้าง?

เลือดในเส้นเลือดขอดอาจแข็งตัว ทำให้เกิดการอุดตันขึ้นในเส้นเลือด ผลที่ตามมาคือ ผนังเส้นเลือดและเนื้อเยื่อรอบ ๆ เส้นเลือดอักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดผิวหนังตรงจุดที่เส้นเลือดเกิดการอุดตันจะแดง บวม และร้อน และผู้ป่วยมักจะมีไข้ ในบางรายการกระแทกเพียงเบา ๆ อาจทำให้เส้นเลือดขอดแตกเกิดการเสียเลือดได้ ในกรณีดังกล่าว การใช้นิ้วมือกดเบา ๆ ที่จุดเลือดออกชั่วระยะเวลาหนึ่งอาจทำให้เลือดหยุดได้ ผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดขอดนาน ๆ อาจมาหาแพทย์ด้วยเรื่อง แผลเรื้อรัง ส่วนมากมักจะเป็นบริเวณขาส่วนล่างใกล้ตาตุ่มแผลจะเป็นแอ่ง มีเนื้อเยื่อสกปรกคลุม ผิวหนังรอบ ๆ แผลจะหนาบวม มีน้ำเหลืองซึมและมีสีคล่ำเนื่องจากมีสารเหล็กไปสะสมแผลชนิดนี้จะเป็นเป็น ๆ หาย ๆ จนกว่าจะรักษาเส้นเลือดขอดอย่างถูกต้อง หากทิ้งไว้โดยไม่รักษาขาส่วนนั้นจะลีบลงเนื่องจากสูญเสียเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังไป

เส้นเลือดขอดจะหายไปเองได้ไหม?

เส้นเลือดขอดอาจจะเป็นแบบถาวรหรือชั่วคราว หญิงตั้งครรภ์บางคนมีเส้นเลือดดำที่ปกติ แต่เนื่องจากภาวะตั้งครรภ์ทำให้เกิดการดึงและโป่งออกของเส้นเลือดลิ้นเส้นเลือดไม่สามารถนำมาจดกันตรงกลางเส้นเลือดดังที่ได้อธิบายมาแล้ว ในกรณีเช่นนี้เส้นเลือดขอดอาจจะดีขึ้นหรือหายไปได้หลังคลอด เมื่อสภาวะที่ทำให้เกิดการดึงรั้งหมดไป แต่หากสภาวะเช่นนี้เกิดนานพอสมควรหรือในกรณีที่พัฒนาการของลิ้นภายในเส้นเลือดไม่ดีมาแต่กำเนิดโอกาสที่จะเป็นเส้นเลือดขอดแบบถาวรก็มีมาก

ถ้ามีเส้นเลือดขอด " คุณ" จะดูแลตัวเองได้อย่างไร?

โดยทั่วไปการยกขาสูงบ่อย ๆ ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานั่ง ) ทำให้ความดันภายในเส้นเลือดลดลง การออกกำลังก็มีส่วนช่วยการไหลเวียนของเลือด เพราะการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อขาช่วยดันให้เลือดไหลกลับไปหัวใจได้ดียิ่งขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการสวมสเตย์เพราะทำให้เลือดไหลเวียนกลับไม่ดี ถ้ามีโอกาสควรนอนยกขาขึ้นบ้างเป็นครั้งคราวในเวลากลางวัน การสวมถุงเท้าที่ทำพิเศษจะช่วยให้สบายขึ้น ถ้ายังมีปัญหาหรือมีภาวะแทรกซ้อนก็ควรปรึกษาหมอ

" หมอ " รักษาเส้นเลือดขอดกันอย่างไร

เส้นเลือดขอดที่เป็นน้อย อาจใช้วิธีการรักษาง่าย ๆ ดังกล่าวมาแล้ว แต่ถ้าเป็นมากหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เกิดการอักเสบ อุดตัน แตกมีเลือดออกหรือเกิดเป็นแผลเรื้อรังก็ควรให้หมอรักษา การรักษาที่ได้ผล คือการผ่าตัดเอาเส้นเลือดขอดออกหลักการก็คือ การเอาเส้นเลือดที่ผิดปกติ ที่มีความอ่อนแอของผนังหรือของลิ้นเส้นเลือดออกโดยปล่อยให้เลือดไหลกลับไปหัวใจทางเส้นเลือดที่แข็งแรงซึ่งอยู่ลึกกว่า วิธีการนี้อาจทำได้โดยการเปิดแผลเพียงไม่กี่แห่ง ทำให้มีแผลเป็นน้อย อีกวิธีหนึ่งคือการฉีดสารเคมีบางอย่างเข้าไปในเส้นเลือดขอดเพื่อทำให้เส้นเลือดดังกล่าวแฟบไป หมออาจใช้วิธีการนี้ร่วมกับการผ่าตัดหรือรักษาโดยวิธีนี้เพียงวิธีเดียว ปัญหาของการฉีดสารเคมีคือ หลังฉีดแล้วต้องพันผ้าไว้เป็นเวลานานหลายสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลดี ซึ่งในสภาพอาการร้อนแบบเมืองไทยนี้อาจจะเป็นการยาก และบางครั้งต้องฉีดหลายครั้งจึงจะได้ผล นอกจากนี้หากพันผ้าไว้ไม่นานพอ โอกาสที่จะเกิดเป็นใหม่ก็มีมาก เพราะฉะนั้นหมอส่วนใหญ่จึงมักใช้วิธีการรักษานี้ในกรณีที่เส้นเลือดขอดมีน้อยและลิ้นเส้นเลือดไม่ผิดปกติ


ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากหนังสือรายการกระจายเสียงของสถานีวิทยุศึกษา เรื่อง เส้นเลือดขอด ของน. พ. ประเสริฐ ไตรรัตน์วรกุล  หนังสือรายการกระจายเสียง เดือน เมษายน 2533 หน้า18 - 23